Sort by
Sort by

โภชนาการเพื่อผิวสวย ตอนที่ 2

โภชนาการเพื่อผิวสวย ตอนที่ 2
หลังจากที่เราได้ไขความลับข้อแรกว่าเราควรหลีกเลี่ยงอาหารเร่งผิวเสื่อม เช่น แป้ง น้ำตาล ไขมันทรานส์ และเนื้อแดง เพื่อทำให้เรามีหน้าใสปิ๊ง ไร้ริ้วรอย และแลดูอ่อนเยาว์แบบยั่งยืน บทความนี้จะมาไขความลับข้อที่ 2 ว่าถ้าอยากมีผิวพรรณที่ดีควรทำอย่างไร

2 หลีกให้ไกลจากอนุมูลอิสระ ปัจจุบันนี้การแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย พูดถึงผู้ร้ายที่คอยทำลายผิวเราอีกตัวคือ “อนุมูลอิสระ (Free Radicals)” อนุมูลอิสระทำให้เซลล์เสื่อม เซลล์ผิวของเราก็ด้วย อนุมูลอิสระมาจากกระบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกาย หรือกระบวนการเผาผลาญอาหารที่เราทานเข้าไป ซึ่งเกิดขึ้นที่โรงงานของเซลล์ที่เรียกว่า “ไมโตคอนเดรีย” โดยอาศัยออกซิเจนที่เราหายใจเข้าไปเป็นตัวช่วยและได้เป็นพลังงานออกมา แต่ในขณะเดียวกันจะได้อนุมูลอิสระออกมาด้วย การเกิดอนุมูลอิสระเป็นปฏิกิริยาเดียวกับเมื่อเหล็กทำปฏิกิริยากับออกซิเจนเกิดเป็นสนิมเหล็กขึ้น แต่ในคนเราเรียกสนิมแก่ อนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่มีอิเล็กตรอนไม่ครบคู่ ทำให้ไม่เสถียร จึงต้องเดินทางไปแย่งอิเล็กตรอนจากโมเลกุลอื่นๆ เปรียบดั่งหัวขโมย คอยขโมยอิเล็กตรอนไปจากเยื่อหุ้มเซลล์ และสารพันธุกรรมของเซลล์ที่เรียกว่า “ดีเอ็นเอ (DNA)” ทำให้เซลล์ เกิดความเสื่อม เสียหาย อนุมูลอิสระมักออกอาละวาดทำลายเซลล์ในร่างกายต่อเนื่องกันแบบโดมิโน คือสามารถเข้าทำลายเซลล์ในทุกที่ที่มันเคลื่อนตัวไป ทำให้เกิดจุดด่างดำที่ผิวหนังที่เรียกว่า Age spots ถ้าดูผ่านกล้องจุลทรรศน์จะเห็นเป็นจุดสีน้ำตาล ที่ลูกศรชี้ที่แพทย์เรียกว่า “ไลโปฟูสชิน (Lipofuscin)” ซึ่งเป็นขยะที่เกิดจากอนุมูลอิสระที่เข้าทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ผิวหนัง ทำให้บดบังการซ่อมแซมและการแบ่งตัวของเซลล์ การขนส่งสารอาหารของเซลล์ ดังรูปครับ

ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ คือ การรับประทานอาหารแคลอรี่สูง ปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูงพวกปิ้งย่าง น้ำมันที่ทอดอาหารซ้ำแล้วซ้ำอีกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีทำให้เกิดอนุมูลอิสระ สูบบุหรี่ ดมควันบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนในอาหาร ได้รับแสงยูวี มีความเครียดสะสม การขาดการออกกำลังกาย เมื่อทราบแล้วต้องพยายามปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์นะครับ ปัจจุบันเราสามารถตรวจวัดระดับอนุมูลอิสระในเลือดได้เพื่อประเมินว่าเรามีอนุมูลอิสระล้นเกินหรือไม่

3 ทานผักหลากสี สนับสนุนให้ทานเยอะๆ ครับ อย่างน้อย 4-5 ทัพพีต่อวัน เพราะผักหลากสีเป็นแหล่งรวมของสารต้านอนุมูลอิสระ หรือแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) ซึ่งทางการแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยเรียกง่ายๆ ว่า “สารต้านสนิมแก่” ช่วยให้คุณสวยเด้ง หล่อเป๊ะ ปัจจุบันเราสามารถตรวจวัดหาความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระในเลือดได้เช่นกัน

4 ดื่มน้ำสะอาดให้พอ เคล็ดลับผิวใสต้องมีน้ำสะอาดไว้ใกล้มือ เพื่อหยิบมาดื่มได้ตลอดทั้งวันเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำน้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต เพราะ 2 ใน 3 ของน้ำหนักตัวของคนเราเป็นน้ำ น้ำช่วยให้ร่างกายย่อย ดูดซึม ขับถ่ายของเสียและสารพิษออกจากร่างกายได้เป็นปกติ หล่อเลี้ยงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ช่วยให้คุณผิวพรรณเปล่งปลั่ง น้ำช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้โดยไม่ขัดข้อง แล้วต้องดื่มน้ำในปริมาณเท่าไรจึงจะพอ วิธีคำนวณแบบง่ายที่สุด คือนำน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมคูณด้วย 30 ก็จะได้ปริมาณน้ำเป็นซีซีหรือมิลลิลิตรที่ควรดื่มต่อวันครับ และควรเป็นน้ำเปล่าจะดีที่สุด ให้ระวังเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะร่างกายสามารถเปลี่ยนแอลกอฮอล์เป็นไขมันได้ และแอลกอฮอล์ยังไปลดการดูดซึมของเกลือแร่และวิตามินหลายชนิดในร่างกาย โดยเฉพาะวิตามินบีและวิตามินซี ซึ่งวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เร่งวัยให้เสื่อมก่อนเวลาอันสมควร

5 เข้านอนให้เร็ว การเข้านอนเร็วจะกระตุ้นการหลั่งของโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) หรือที่ฝรั่งเรียกว่า “น้ำพุแห่งความเยาว์วัย” ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ จะหลั่งจากต่อมใต้สมองสูงสุดช่วง 4-5 ทุ่ม เพราะฉะนั้นถ้าเป็นคนที่ชอบนอนดึก ก็เสี่ยงที่จะพร่องหรือขาดโกรทฮอร์โมนได้ ยิ่งถ้าใครอายุขึ้นเลขสาม การหลั่งของโกรทฮอร์โมนจะเริ่มน้อยลงตามอายุที่มากขึ้น เมื่อโกรทฮอร์โมนลดลง ทำให้ความสามารถในการดูแลซ่อมแซมผิวลดลง ริ้วรอยต่างๆ เริ่มมาเยือน แก้มย้อย คางห้อย ผิวหนังเริ่มหย่อนคล้อย มีถุงใต้ตา

6 เสริมด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตามจำเป็น โดยปกติร่างกายเรามีกลไกในการกำจัดอนุมลอิสระ ซึ่งอาศัยการทำงานของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระหลายตัว เช่น กลูตาไธโอนเปอร์ออกซิเดส, ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส, คาทาเลส แต่เมื่ออายุมากขึ้น สารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติที่ร่างกายสร้างเองนั้นลดน้อยลง ประกอบกับสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องการสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ได้รับจากอาหารเพียงอย่างเดียว เช่น คนที่สูบบุหรี่ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษ ทานอาหารปิ้งย่าง มีภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง มีภาวะเครียดสะสม ปัจจุบันพบว่าแม้หนุ่มสาวอายุน้อยก็เริ่มจะมีปัญหาเกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากมีปัจจัยทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ในบางคนที่คิดว่าได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากการกินอาหารหรือกินผักผลไม้ได้ไม่มากพอ หรืออยู่ในภาวะที่กระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระ จึงอาจจำเป็นต้องรับประทานวิตามินและเกลือแร่ที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเสริม เช่น วิตามินซี วิตามินอี สังกะสี ซีลีเนียม เป็นต้น เพื่อลดการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย และเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ควรรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากกว่าหนึ่งชนิด เปรียบเสมือนการฟังดนตรีวงออร์เคสตรา (orchestra) ซึ่งต้องใช้เครื่องดนตรีหลาย ๆ ชนิดร่วมกัน อย่างไรก็ตาม การจะรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้ปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละคน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครับ

ที่มา : นพ.ไพศิษฐ์ ตระกูลก้องสมุทร